วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2550


สารบัญ
ภายหลังจากการแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต เมื่อเดือนกันยายน 2534 ลิทัวเนียได้เปลี่ยนจากระบบเศรษฐกิจรวมศูนย์มาเป็นระบบเศรษฐกิจแบบการตลาด ทำให้สถานภาพทางเศรษฐกิจของลิทัวเนียมีความมั่นคงยิ่งขึ้น ประกอบลิทัวเนียได้ทำความตกลงการค้าเสรี (free trade agreement) กับเอสโตเนียและลัตเวียเมื่อวันที่ 13 กรกฏาคม 2536 โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือ รวมตลาดของทั้งสามประเทศซึ่งมีจำนว! นผู้บริโภค 8 ล้านคนเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ รัฐบาลยังดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและการปฎิรูปเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่ส่งผลทำให้เศรษฐกิจของลิทัวเนียเริ่มฟื้นตัวขึ้น อัตราเงินเฟ้อลดลงเป็นลำดับ ค่าเงินสกุลลิตัส (Litas) ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 25มิถุนายน 2536 เริ่มมีเสถียรภาพขึ้นบรรยากาศน่าลงทุนมากขึ้น
ในปี 2538 ลิทัวเนียมีอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 35.7 ลดลงจากปี 2537 ร้อยละ 45.10 ในปี 2539 มีอัตราร้อยละ 20 ในปี 2540 อัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือร้อยละ 15 ปี 2544 เหลือร้อยละ 1.3 และ ในปี 2545 เหลือร้อยละ 0.8
โครงสร้างทางเศรษฐกิจของลิทัวเนียที่สำคัญประกอบด้วยภาคอุตสาหกรรมและพลังงาน ภาคการก่อสร้าง การค้า การขนส่ง และการบริการ


�เศรษฐกิจและการค้าของประเทศลิทัวเนีย
การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (Privatization)
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2545 ลิทัวเนียได้ประกาศตรึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลลิตัสกับเงินสกุลยูโร แทนดอลลาร์สหรัฐ ฯ ไว้ที่ 1 ลิตัส = 3.4528 ยูโร
รัฐบาลได้ออกเงินสกุลแห่งชาติลิทัวเนีย (ลิตัส) เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2536 และควบคุมกระแสหมุนเวียนทางการเงินอย่างเข้มงวด
รัฐบาลมีนโยบายที่จะลดภาษีเพื่อกระตุ้นกิจกรรมด้านธุรกิจ และเพิ่มการผลิต และปรับปรุงระบบภาษีทรัพย์สิน ภาษีนิติบุคคล และภาษีรายได้ส่วนบุคคล
นอกจากนั้น รัฐบาลยังจัดตั้งเขตปลอดภาษีสำคัญการลงทุน รัฐบาลได้อนุมัติให้จัดตั้งเขตปลอดภาษีขึ้น 6 แห่ง เพื่อดึงดูดความสนใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ การลงทุนภายในเขตที่กำหนด นักลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษีส่งออก-นำเข้า สำหรับสิทธิภาษีอื่น ๆ หากกิจการดังกล่าวมีเงินทุนจากต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 30 ของเงินทุนทั้งหมด จะได้รับการยกเว้นภ! าษีเป็นระยะเวลานาน 3 ปี และหากเงินทุนจากต่างประเทศเกินร้อยละ 30 จะได้รับการยกเว้นภาษีเป็นเวลา 5 ปี รัฐบาลจัดตั้งระบบบัญชีร่วม (mutual accounts) ระหว่างรัสเซียและลิทัวเนีย เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างวิสาหกิจของประเทศทั้งสอง
รัฐบาลดำเนินมาตรการปล่อยให้ราคาสินค้าลอยตัวโดยเสรี ส่งเสริมการแข่งขันโดยภาคเอกชน และยกเลิกการสนับสนุนโดยรัฐบาล ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2536 รัฐบาลได้ยกเลิกการพยุงและอุดหนุนราคา (subsidies) ในสินค้าขนมปัง และน้ำตาล
สำหรับการค้าการลงทุนในลิทัวเนียมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลลิทัวเนีย ได้ออกกฎหมายหลายฉบับซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อผู้ลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในลิทัวเนีย ดังจะเห็นได้จากการที่ในช่วงต้นปี 2538 เงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนสูงกว่า 57% ของเงินลงทุนทั้งหมด กอปรกับปัจจัยต่าง ๆ ที่สนับสนุนการลงทุนในลิทัวเนีย คือ
ลิทัวเนียเป็นรัฐที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับหนึ่ง ทำให้นักลงทุนมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน
ในแง่ภูมิศาสตร์ ลิทัวเนียสามารถระบายสินค้าไปสู่รัสเซียเพราะความใกล้ชิดทางด้านภูมิศาสตร์และคุ้นเคยกับการค้าขายกับรัสเซีย
ระบบการคมนาคมและสื่อสาร ภายในประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีและสามารถติดต่อกับภูมิภาคยุโรปได้สะดวก อีกทั้งการพัฒนาสาธารณูปโภคก็อยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานในการลงทุนในประเทศ
ลิทัวเนียได้จัดทำความตกลงทางการค้าเสรีกับหลายประเทศในยุโรป รวมทั้งสหภาพยุโรปซึ่งเป็นหนทางขยายลู่ทางการค้าวิธีหนึ่ง
เมื่อเดือนมกราคม 2539 รัฐบาลลิทัวเนียได้อนุมัติ Public Investment Programme ซึ่งเป็นโครงการการลงทุนที่ต้องการเงินทุนมาพัฒนาในสาขาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน โดยมีสาขาที่ต้องการเงินลงทุนมากที่สุดตอนนี้คือ ระบบสาธารณูปโภค พลังงานคมนาคม การปกป้องคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โครงการเกี่ยวกับสุขภาพ (โดยเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์) โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะดึงดูดเงินลงทุนจากต่า! งประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐลิทัวเนีย ความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง ประเทศไทยได้ประกาศรับรองเอกราชสาธารณรัฐลิทัวเนียพร้อมกับประเทศบอลติก อื่น ๆ (ลัตเวียและเอสโตเนีย) เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2534 และเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2534 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาลงมติเห็นชอบให้ดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับลิทัวเนีย (พร้อมกับลัตเวียแ! ละเอสโตเนีย) ซึ่งต่อมาวันที่ 9 เมษายน 2536 ประเทศไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐลิทัวเนียอย่างเป็นทางการ และมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน มีเขตอาณาครอบคลุมลิทัวเนียและไอซ์แลนด์ด้วย ในปัจจุบันนายอดิศักดิ์ ภาณุพงศ์ [[เอกอัครราชทูต[[ ณ กรุงโคเปนเฮเกน ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำลิทัวเนียและไอซ์แลนด์
สถานที่อยู่ Royal Thai Embassy, Norgesmindevej 18 2900 Hellerup Copenhagen Tel.(45) 39625010,39625257 Fax: (45) 39625059
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2545 คณะรัฐมนตรีมีมติให้เห็นชอบในการแต่งตั้งนาย Ginutis Dainius Voveris เป็นเอกอัครราชทูตลิทัวเนียประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงวิลนีอุส ตามที่รัฐบาลลิทัวเนียได้เสนอ สำหรับกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ณ กรุงวิลนีอุส ได้แก่ นายโรลันดัส วาลีอูนัส (Mr. Rolandas Valiunas) ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2547 และกงสุลกิตติมศักดิ์ลิทัวเนียประจำประเทศไทย คือ! ศ.นพ.วงศ์กุลพัทธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2548


ไม่มีความคิดเห็น: